จีอายมิวสิค,เครื่องดนตรี,กีต้าร์,กลอง,เบส,เครื่องเป่า,ตู้แอมป์,เครื่องวงโย,เครื่องดนตรีสากล,กลองเดินแถว,คีย์บอร์ด,เปียโน,ไวโอลิน

บทความ

การวางปากในการเป่า แซกโซโฟน

11-01-2559 15:18:25น.

การวางปากในการเป่าแซกโซโฟน

 

 

การวางปากในการเป่าแซกโซโฟน หมายถึงอวัยวะที่ใช้ในการเป่าบริเวณริมฝีปาก คางตลอดจนกล้ามเนื้อรอบปากที่รัด

รอบกำพวดและลิ้นแซกโซโฟน การวางปากเป็นหัวใจสำคัญในการเป่าแซกโซโฟน ผู้ฝึกใหม่มักจะมีปัญหาว่าจะวางปากอย่างไร ตรงไหนถึงจะ
เป่าได้สำเนียงแซกโซโฟนที่ถูกต้อง เพราะบาครั้งผู้ฝึกใหม่อาจจะได้รับคำตำหนิจากผู้อยู่ข้างเคียงว่าเป่าเสียงดังอย่างกับห่านร้อง หรือเสียงแหลม
อย่างกับหนูร้อง ผู้เป่าอาจจะเกิดความรำคาญตัวเองที่ไม่สามารถเป่าให้ได้เสียงตามความต้องการ เสียงห่าน เสียงหนู ที่ออกมาจากการเป่า
แซกโซโฟนมีสาเหตุมาจากการวางปากไม่ถูกต้อง

 

องค์ประกอบที่สำคัญในการวางปากแซกโซโฟน

 

 

1.โครงสร้างของรูปหน้า
2. กล้ามเนื้อบริเวณปาก
3. ตำแหน่งของกำพวดขณะเป่า

1. โครงสร้างของรูปหน้า  

 

รูปหน้ามีส่วนช่วยให้การเป่าแซกโซโฟนง่ายขึ้นและช่วยในการเลือกแซกโซโฟนให้เหมาะสบกับใบหน้า เช่น
- คางรูปสี่เหลี่ยม คางรูปสี่เหลี่ยมจะมีความยาวของกระดูกด้านหน้ามากกว่าปกติ ซึ่งเหมาะสำหรับแซกโซโฟน
ที่มีกำพวดขนาดใหญ่ เช่น เทนเนอร์ บาริโทน หรือเบส
- คางรูปแหลม คางรูปแหลมเหมาะสำหรับแซกโซโฟนที่มีกำพวดขนาดเล็ก เช่น โซปราโน หรืออัลโต
- ฟันบนยื่น โดยทั่วไป บุคคลที่มีลักษณะฟันบนยื่นมักจะง่ายแก่การปรับในการวางปากแซกโซโฟน
เว้นไว้แต่ว่าฟันจะยื่นมากเกินไปจนไม่สามารถปรับได้
- ฟันล่างยื่น ลักษณะของฟันล่างยื่นเหมาะแก่การปรับให้เข้ากับกำพวดที่ใหญ่ เช่น เทเนอร์หรือบาริโทน เพราะ
ไม่จำเป็นต้องอ้าปากกว้างมากนักในการเป่า แต่จะยากสำหรับที่จะปรับให้เข้ากับกำพวดที่เล็กอย่างโซปราโน
หรืออัลโต

2. กล้ามเนื้อบริเวณปาก 

 

กล้ามเนื้อบริเวณริมฝีปากมีความสำคัญยิ่งในการเป่าแซกโซโฟนริมฝึปากจะต้องไม่เครียดและเป็นไปอย่างธรรมชาติ  

ที่สุด ริมฝีปากมีหน้าที่รวบกำพวดไม่ให้ลมรั่วเท่านั้น พึงระลึกเสมอว่าริมฝึปากไม่รัดหรือเกร็ง ริมฝึปากบนและล่างทำงานเป็นคู่   ถ้าด้านใด
ด้านหนึ่งเกร็งอีกด้านหนึ่งจะเกร็งตามด้วย ฟันบนและริมฝีปากบนทำงานเป็นคู่ทำหน้าที่ตั้งรับและโต้ตอบกำพวดฟันล่างและริมฝีปากล่าง
ทำงานเป็นคู่ทำหน้าที่สนับสนุนกำพวด

 

การวางปากเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก เพราะสามารถเปลี่ยนเสียงที่เป่าออกมาได้สารพัด

ท่าทางที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดเป็นสิ่งที่นักแซกโซโฟนควรคำนึงถึงเป็นอย่างยิ่ง

 

สิ่งที่สำคัญคือ การเป่าแซกโซโฟนใช้แรงกดดันของขากรรไกรหรือการรัดตัวกล้ามเนื้อบริเวณริมฝีปากไม่ใช้ฟันกัด

การพัฒนากล้ามเนื้อบริเวณปาก 

 

การพัฒนากล้ามเนื้อบริเวณปากที่จะใช้ในการเป่าแซกโซโฟนใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เพื่อพัฒนา

โดยปฎิบัติทุกวัน ๆ ละ 5 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อมีความคุ้นเคยโดยเฉพาะริมฝีปากล่าง ฟันล่าง และมุมปาก

ข้อแนะนำในการเตรียมกล้ามเนื้อเพื่อเป่าแซกโซโฟน

กล้ามเนื้อมุมปาก การหาจุดศูนย์กลางของปากเพื่อใช้ในการเป่านั้นอาศัยการวัดจากมุมปากทั้งสองข้าง กล้ามเนื้อ

ที่มุมปากควรพัฒนาให้แข็งแรงพอสมควร โดยฝึกการยิ้มในลักษณะริมฝีปากบิด ขณะยิ้มให้ดึงมุมปากไปด้านหลังให้มากที่สุดเท่าที่
จะทำได้ อาจจะเริ่มด้วยเสียงปกติก่อนแล้วค่อย ๆ ปรับเสียงให้ต่ำลงจนต่ำที่สุด เพื่อเปิดหลอดลมให้กว้าง ให้ฝึกการยิ้มโดยปิดปากและผิวปาก
เสียงต่ำสลับกันประมาณ 50 ครั้ง หลังจากครั้งที่ 50 จะรู้สึกเมื่อยริมฝีปากจึงหยุดการฝึก กระจกจะเป็นครูที่ดีที่สุดที่จะใช้ในการฝึก

กล้ามเนื้อที่คาง ดึง กล้ามเนื้อริมฝีปากล่างให้แนบกับคางในขณะเดียวกันควรรักษาเส้นรอบปากให้อยู่ในลักษณะเส้นตรง 

พยายามให้กล้ามเนื้อริมฝีปากและกล้ามเนื้อบริเวณคาง แนบติดกับกระดูกคางแน่นเท่าที่จะแน่นได้ ดึงไว้ประมาณ 10 วินาที ประมาณ 25 ครั้ง   

 

นำเอาลักษณะที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดมารวมกัน เริ่มต้นด้วยผิวปากเสียงต่ำ แล้วค่อย ๆ ดึงมุมปากทั้งสองข้างไปสู่ลักษณะยิ้ม  

แต่ลักษณะการผิวปากยังคงรูปอยู่ แล้วค่อยดึงกล้ามเนื้อของริมฝีปากล่างให้แนบติดกับคางดึงขากรรไกรล่างลงเล็กน้อย รวมแล้วก็จะได้ลักษณะ
ของปากในการเป่าแซกโซโฟน ความสัมพันธ์ระหว่างกำพวดกับปาก แรงรัดกำพวดที่ใช้ในการเป่ามีอยู่ 2 ชนิดคือ แรงรัดที่เกิดจากริมฝีปากและ
แรงรัดที่เกิดจากคาง เพราะว่าคางมีความเที่ยงกว่าริมฝีปากและสามารถควบคุมแรงรัดได้นานกว่า   

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเป่าและเป็นมูลเหตุให้เสียงที่เป่าออกมาไม่ชัดการวางปากและการใช้ลมเป็นจุดแรกที่จะต้องคำนึงก่อน ไม่ใช่

แก้ปัญหาโดยใช้ลิ้นในการเป่าให้แรงขึ้นอีกประการหนึ่ง แรงรัดในการเป่าต้องอยู่ในลักษณะที่คงที่ไม่หย่อนหรือไม่แน่นไป

3. ตำแหน่งของกำพวดขณะเป่า

 

ตำแหน่งของกำพวดขณะเป่าที่แน่นอนนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ขนาดของกำพวด โครงสร้างของรูปหน้า แต่อย่างไรก็ตาม   

แซกโซโฟนทุกขนาดอาศัยพื้นฐานการวางปากที่เหมือนกันเพียงแต่ปรับให้เข้ากับขนาดเล็กหรือใหญ่เท่านั้น สิ่งที่สำคัญก็คือ ตำแหน่งของกำพวด
ต้องอยู่ตรงกลางระหว่างมุมปากทั้งสอง เพราะกระแสลมที่เป่าจะตรงเข้าสู่กำพวดตรงกลางพอดี   

 

ความลึกของการอบกำพวดแซกโซโฟนอาจจะวัดได้โดย เอากระดาษพิมพ์อย่างบางสอดเข้าไประหว่างกำพวดและลิ้นแซกโซโฟนจนสุด  

ด้วยความระมัดระวังเพราะอาจจะทำให้ลิ้นแตกได้ ใช้ดินสอจุดทำเครื่องหมายบริเวณที่กระดาษหยุด นั่นคือบริเวณที่จะอบกำพวด ใช้หัวแม่มือข้างใด
ข้างหนึ่งจับไว้ที่จุดแล้วอมกำพวดจนจดที่จุดหัวแม่มือ ความลึกทั้งด้านบนของกำพวดและด้านล่างของลิ้นเท่ากัน กล้ามเนื้อริมฝีปากรัดรอบกำพวด
สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือให้ใช้หูฟังเสียงที่เป่าว่าควรให้กำพวดลึกเพียงใดเสียงถึงจะมีคุณภาพ   

 

 ข้อสังเกตในการวางปาก

 

 

ริมฝีปากล่างตั้งอยู่บนฟันล่าง ประมาณจุดกลางของริมฝีปากอ่อนโดยอาศัยแรงสนับสนุนจากขากรรไกรในการคาบกำพวด  

กล้ามเนื้อริมฝึปากล่างและกล้ามเนื้อบริเวณคางแนบกับกระดูกคางต้องแน่ใจว่ากล้ามเนื้อไม่โป่งออกมา 

มุมปากทั้งสองข้างแนบแน่นอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

กล้ามเนื้อริมฝีปากบนและล่างทำงานเป็นคู่ รวบรอบกำพวดอย่างเป็นธรรมชาติ 

ฟันบนเพียงแตะกำพวดเท่านั้น ไม่กัด  

การวางปากจะอยู่ในท่าเดียวกันไม่ว่าจะเป่าเสียงสูงหรือเสียงต่ำไม่ลดขากรรไกรให้ต่ำเมื่อเป่าเสียงต่ำ และไม่รัดกล้ามเนื้อริมฝีปากแน่น
เมื่อเป่าเสียงสูง  

ถ้ามีเสียงลมออกมาจากริมฝีปากข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างแสดงว่ากล้ามเนื้อริมฝีปากรวบไม่สนิท 

ถ้าเสียงที่เป่าออกมาพร่า มีเสียงลมออกมาก่อน แสดงว่าแรงสนับสนุนจากขากรรไกรน้อยเกินไป 

ถ้าเสียงที่เป่าออกมามีความบางแหบค่อย แสดงว่าอมกำพวดน้อนเกินไป

ถ้าเสียงที่เป่าออกมาเหมือนกับเสียงห่านร้อง ยากแก่การควบคุมแสดงว่าอบกำพวดลึกเกินไป 

ถ้าเสียงที่เป่าออกมาเพี้ยนสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะเสียงต่ำยากแก่การเป่า คุณภาพของเสียงบางเหมือนออกไม่เต็มเสียง
อาจจะเป็นเพราะว่าใช้ฟันกัดกำพวด หรือกล้ามเนื้อริมฝีปากรัดกำพวดแน่นเกินไป

ถ้าเสียงแหลมเหมือนหนูร้องออกมาจากแซกโซโฟน แสดงว่าส่วนบนและส่วนล่างของกำพวดอยู่ในปากไม่เท่ากัน  

น้ำหนักของแซกโซโฟนควรอยู่บนสายคล้องคอ ไม่ใช่อยู่บนริมผีปากล่าง หรือบนหัวแม่มือขวา 

ต้องแน่ใจว่าขณะที่เป่าไม่เก็บลมไว้ที่แก้มจนแก้มป่อง ให้ใช้กระจกส่องดู  

ไม่ลดขากรรไกรให้ต่ำลงเมื่อเป่าเสียงต่ำ 

หลอดลมอยู่ในลักษณะเปิดตลอดเวลาที่เป่า ให้ออกเสียง "ออ" ซึ่งเป็นลักษณะที่หลอดลมเปิด เวลาเป่าหลอดลมจะอยู่ในลักษณะ
เหมือนเวลาออกเสียง "ออ" 

 

ฟันบนและริมฝีปากบนทำงานคู่กันเสมือนแฝดซึ่งเป็นฝ่ายรับและฝ่ายต้าน ทำนองเดียวกันริมฝีปากล่างวางบนฟันล่างเสมือนแฝดเป็นฝ่าย 

กดรัดกำพวดไปยังฝ่ายรับริมฝีปากบนและฟันบน แต่กระนั้นก็ตามกล้ามเนื้อทุกส่วนที่ประกอบในการวางปากต้องอยู่ในลักษณะธรรมชาติที่สุดไม่เกร็ง
แบบฝึกหัดสำหรับคลายความเครียดของกล้ามเนื้อริมฝีปาก ขอย้ำอีกครั้งว่าเป็นแบบฝึกหัดสำหรับคลายความเครียดของริมฝีปากเท่านั้นไม่ใช้ลักษณะ
ที่เป่าแซกโซโฟนโดยปกติ

 

ให้เป่าเสียงซอล (G) แล้วใช้นิ้วชี้ของมือขวาเผยอริมฝีปากบนด้านใดด้านหนึ่งให้สูงขึ้นในขณะที่เป่า ซึ่งจะทำให้มีลมออกมาพร้อมกับเสียง

แซกโซโฟนแล้วเปลี่ยนไปเผยอริมฝีปากอีกด้านหนึ่งในลักษณะเช่นเดียวกัน เมื่อเผยอเสร็จทั้งสองข้างแล้วค่อยเผยอริมฝีปากบนโดยไม่ต้องใช้นิ้วช่วย
ดูกระจกในขณะฝึก เผยอให้สามารถมองเห็นฟันหน้าสองซี่