ย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษที่ 15 ขนาดของเชลโล่นั้นมีขนาดใหญ่กว่าในปัจจุบันมาก คือ
มีขนาดลำตัวประมาณ 30 ถึง 31 นิ้ว แต่ในปัจจุบันเชลโล่มีขนาดลำตัว ประมาณ 29 นิ้ว เชลโล่ที่ขนาดเล็กลงนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ ปี ค.ศ.1690 แต่มันยังไม่เป็นที่นิยมจนกระทั่งต้นปี ค.ศ. 1700 และเชลโล่ที่สร้างโดยช่างที่มีชื่อเสียงในยุคก่อนก็ถูกปรับให้เล็กลงด้วยการเปลี่ยนขนาดในครั้งนั้นส่งผลให้การเล่นมือซ้ายของนักเชลโล่ทำได้ง่ายขึ้นมาก เนื่องจากแรงตึงสายที่ลดลง แต่การทำแบบนี้ก็ทำให้โทนเสียงในย่านต่ำของเชลโล่ลดลงเช่นเดียวกัน แต่งานประพันธ์ในช่วงดังกล่าวจะเขียนให้เชลโล่เล่นในส่วนของสายบนมากกว่าจึงทำให้ยังไม่เกิดปัญหา ถ้าอ่านมาตั้งแต่ต้นจะพบว่ามีการกล่าวถึง Antonio Stradivari ซึ่งในปัจจุบันไวโอลินของเขาเป็นหนึ่งในไวโอลินที่มีชื่อเสียงและก็แพงมากที่สุด แต่เขาก็ยังเป็นช่างทำ เชลโล่ ด้วย
เชลโล่ของเขามีมูลค่าสูงมากในปัจจุบัน ซึ่งเหมือกับช่างทำเชลโล่ที่มีชื่อเสียงท่านอื่น
ซึ่งส่วนมากเป็นชาวอิตาเลียน ในบางกรณี ช่างทำไวโอลิน ซึ่งทำเชลโล่ด้วยกับหาเงินได้มากว่าในการทำเชลโล่ขาย ซึ่งช่างคนดังกล่าวคือ Giovanni Battista
Rogeri เชลโล่ของเขานั้นทำในช่วงประมาณ 1650 ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1945 มีราคาอยู่ระหว่าง 2,500 เหรียญ ถึง 40,000 เหรียญ(อันนี้ทำโดย Antonio Stradivari)
แต่แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้มีราคาสูงกว่านี้มาก ในศตวรรษที่ 19 เชลโล่เริ่มถูกสร้างขึ้นโดยเครื่องมากกว่าทำด้วยมือเพราะทำให้ราคาของเชลโล่ถูกลงมาก และเสียงก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไร ถึงแม้จะทำเป็นอุตสาหกรรมก็ไม่ได้หมายความว่าการดูแลจะแตกต่างกับเชลโล่ราคาสูงและก็ยังคงต้องการการปรับแต่งโดยช่างที่ชำนาญอยู่ดี
เชลโล่เป็นเครื่องดนตรี ที่มีเสียง 1 ออคเตป ต่ำกว่า วิโอล่า(หรือ 1 ออคเตป กับคู่ 5 ต่ำกว่าไวโอลิน) เชลโล่ให้เสียงที่อบอุ่น, นุ่ม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับ ช่วงเสียงต่ำใน
วงออร์เคสตราเชลโล่ก็ได้รับการประพันธ์บทเพลงในโซโล่ในบางครั้งซึ่งก็น้อยกว่าไวโอลินมากแต่มันก็เป็นเครื่องดนตรีที่รู้จักกันมากเป็นอันดับสองในวงออร์เคสตรา